วิธีการป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้อีเมลเป็นสแปม ทำตามก่อนส่งรับรองเห็นผลชัวร์

09 สิงหาคม 202412 min read

how-to-prevent-and-avoid-email-spam
แชร์บทความนี้
10 เทรนด์ Email Marketing มาแรงปี 2025

การที่อีเมลของเราถูกมองว่าเป็นสแปม ทั้ง ๆ ที่เราส่งข้อความปกติหรือไม่ได้มีจุดประสงค์ทางด้านร้าย นั่นเป็นเพราะเราอาจจะกำลังส่งอีเมลที่มีเนื้อหาบางอย่างที่ชวนให้เข้าใจผิดหรือใช้คำที่ระบบกรองสแปมนั้นมองว่าเรากำลังทำผิดกฏอยู่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้อีเมลของเราเกิดปัญหาดังกล่าวอีกต่อไป เรามาดูวิธีหลีกเลี่ยงเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดสแปมในการส่งอีเมลครั้งหน้าค่ะ

 

 

อีเมลสแปมคืออะไร

อีเมลสแปม คือ อีเมลที่ส่งโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับ มักถูกส่งในปริมาณมาก มีเนื้อหาไม่พึงประสงค์หรือเป็นอันตราย เช่น การส่งข้อความด้วยเนื้อหาหลอกลวง, การโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต, ข้อความที่น่าสงสัย อีกทั้งยังมีการแนบไฟล์และลิงก์ที่มีจุดประสงค์ไม่ดี ก็จะถูกนับว่าเป็นสแปมเช่นด้วยกัน

 

ทำไมการกรองสแปมถึงสำคัญ

แม้ว่าเราจะไม่ได้ส่งอีเมลเพื่อมุ่งร้าย แต่ก็ยังติดสแปมอยู่ดี ดังนั้นการกรองสแปมก่อนส่งจึงสำคัญด้วยหลายเหตุผลดังนี้

 

1. ปกป้องชื่อเสียงของโดเมนและที่อยู่ IP

หากเซิร์ฟเวอร์อีเมลของคุณถึงมองว่าส่งสแปมเยอะเกินไป มีความเสี่ยงที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ (blacklist) ทำให้โดเมนหรือ IP ถูกบล็อก และที่สำคัญการส่งอีเมลสแปมยังจะทำให้ความเชื่อถือให้กับโดเมนลดลง และอีเมลจะถูกส่งไปยังอีเมลขยะของผู้รับแทนที่จะไปอยู่กล่องจดหมาย

 

2. ป้องกันการละเมิดความปลอดภัย

ลดความการเกิดอีเมลเชิงมัลแวร์และฟิชชิง ซึ่งจะเป็นรูปแบบการส่งอีเมลต้องห้าม เพราะอีเมลประเภทนี้จะแนบไฟล์หรือลิงก์ที่เป็นอันตราย การกรองสแปมจะช่วยให้ป้องกันอีเมลประเภทได้เป็นอย่างดี

 

3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

การที่ไม่มีอีเมลสแปมจะทำให้เราสามารถโฟกัสอีเมลที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้จริง ๆ ทั้งยังลดจำนวนอีเมลที่ไม่ต้องการลง เป็นการประหยัดเวลาและทรัพยากรในการจัดการอีเมลได้เป็นอย่างดี

 

4. ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

การเขียนอีเมลที่มีสาระจะทำให้ผู้รับไม่รำคาญและรู้สึกอยากติดตาม ทุกครั้งที่เราส่งอีเมลไปหา เขาก็เปิดอ่านด้วยความเต็มใจ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการติดต่อสื่อสารให้มากขึ้นและลดความสับสน

 

5. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ

การปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสแปม: หลายประเทศมีกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการส่งสแปม เช่น CAN-SPAM Act ในสหรัฐอเมริกา หรือ GDPR ในยุโรป การกรองสแปมช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ เพราะการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสแปมอาจทำให้คุณต้องเสียค่าปรับหรือรับบทลงโทษทางกฎหมาย

 

6. การจัดการฐานข้อมูลผู้รับ

การกรองสแปมช่วยให้คุณสามารถจัดการและรักษาฐานข้อมูลผู้รับได้ดียิ่งขึ้น โดยลบที่อยู่อีเมลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้ใช้งานออก หากเราส่งอีเมลที่มีคุณภาพดีไปยังผู้รับที่มีความสนใจหรือส่งไปถูกกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของแคมเปญการตลาดได้ด้วย

 

 

 

การกรองสแปมอีเมลจึงเป็นกระบวนการที่สำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งในการปกป้องระบบอีเมล ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้ ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้ส่งอีเมลจึงต้องมีวิธีป้องการและหลีกเลี่ยงไม่ให้อีเมลของเราถูกมองว่าเป็นสแปม

 

วิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกมองว่าเป็นสแปม

1. การตรวจสอบก่อนส่ง (Pre-send Checking)

อย่าลืมตรวจสอบเนื้อหาก่อนส่งหรือใช้ Tool ในการวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อหาจุดที่ยังบ่งชี้ว่าเป็นสแปม และตรวจสอบอีเมลผู้รับทุกครั้งเพื่อยืนยันว่าอีเมลที่เราส่งได้รับอนุญาตให้ส่งอีเมลได้จากโดเมนของคุณ

 

2. ใช้ SPF, DKIM, และ DMARC

  • SPF (Sender Policy Framework): ช่วยให้โดเมนอีเมลสามารถระบุว่า IP ใดที่ได้รับอนุญาตให้ส่งอีเมลจากโดเมนของตน
  • DKIM (DomainKeys Identified Mail): เพิ่มลายเซ็นดิจิตอลให้กับหัวเรื่องของอีเมล ซึ่งช่วยยืนยันว่าเนื้อหาอีเมลไม่ได้ถูกแก้ไขระหว่างทาง นับว่าเป็นการป้องกันและเพิ่มความปลอดภัยให้กับอีเมลได้เป็นอย่างดี
  • DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting & Conformance): ช่วยให้โดเมนสามารถบอกได้ว่าอีเมลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ SPF หรือ DKIM ควรถูกจัดการอย่างไร (เช่น ให้ทิ้ง, quarantine หรือ reject)

 

3. การใช้ระบบกรองสแปม

โดยปกติแล้วผู้ให้บริการส่งอีเมลจะมีระบบกรองสแปมที่เชื่อถือได้อยู่แล้วในตัว โดยระบบกรองจะสามารถตรวจจับพฤติกรรมของผู้ใช้และการส่งอีเมลจำนวนมาก 

 

4. การตรวจสอบและบำรุงรักษา

ก่อนส่งต้องคอยตรวจสอบอีเมลเพื่อมองหาเนื้อความที่ผิดปกติ และอาจจะมีการฝึกอบรมพนักงานที่รับผิดชอบเพื่อทราบแนวทางปฏิบัติในการส่งอีเมลและการป้องกันสแปม

 

5. การใช้ Tools วิเคราะห์สแปม

สามารถการเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ด้วยการใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อวิเคราะห์และระบุรูปแบบของสแปม โดยการฝึกโมเดลด้วยข้อมูลสแปมที่มีอยู่ หรืออัปเดตโมเดลการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องด้วยข้อมูลใหม่เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสแปม

 

6. การตั้งค่าขีดจำกัดการส่ง (Rate Limiting)

ตั้งค่าการจำนวนการส่งอีเมลในระยะเวลาที่กำหนด เพราะหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เมลของเราเสี่ยงจะถูกมองว่าเป็นสแปม หรือคอยติดตามจำนวนอีเมลที่สามารถส่งได้ในระยะเวลาที่กำหนด 

 

7. การใช้รายชื่อที่อยู่ที่ปลอดภัย (Whitelist) และ รายชื่อที่อยู่ที่ถูกบล็อก (Blacklist)

ชื่อที่ส่งของเราจะต้องเป็น Whitelist โดยการสร้างรายชื่อที่อยู่และโดเมนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ส่งที่ปลอดภัย อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงโดเมนที่ติด Blacklist มีประวัติการส่งสแปมหรือไม่ปลอดภัย จะทำให้ระบบไม่สงสัยในเนื้อหาอีเมลของเรา

 

8. การใช้การรับรองอีเมล (Email Certification)

ใช้บริการส่งอีเมลกับผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียง เชื่อถือได้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของอีเมลที่ส่งออกไป และใช้  Return Path เป็นการระบุอีเมลต้นทาง ซึ่งบริการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการที่อีเมลของคุณจะผ่านการกรองสแปมของผู้รับ

 

9. การจัดการฐานข้อมูลผู้รับ (Recipient Management)

สามารถใช้ระบบ OTP ยืนยันตัวตนของผู้รับ เพื่อยืนยันว่าต้องการรับอีเมลจากคุณ และมั่นตรวจสอบอีเมลอีเมลที่ส่ง หากอีเมลนั้นไม่มีการตอบสนองเป็นเวลานาน แนะนำให้ลบออกเพื่อลดความเสี่ยงในการที่อีเมลนั้นจะไม่มีตัวตนอยู่จริง

 

10. การตรวจสอบ Bounce 

Bounce สำคัญเพราะนั่นหมายถึงการส่งอีเมลของคุณอยู่ในรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง หรือผู้รับเลือกที่จะปฏิเสธอีเมลของเรา ดังนั้นเราควรอัปเดตฐานข้อมูลของคุณด้วยข้อมูลใหม่เพื่อลดการส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลที่ไม่ถูกต้องอยู่เสมอค่ะ

 

 

เนื้อหาและลักษณะที่สุ่มเสี่ยงทำให้ถูกมองว่าเป็นสแปม

สำหรับผู้ส่งอีเมล เราของแนะนำการเขียนอีเมลที่จะทำให้ลดการถูกมองว่าเป็นสแปม ลองดูว่าตอนนี้อีเมลของเรานั้นเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า?

 

1.การใช้คำหรือวลีที่เกินจริง เช่น อย่างฟรี, รับทันที, ยกให้ฟรี, ราคาพิเศษ, ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

2.คำที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น เงินกู้, เงินด่วน, ดาวน์ 0%, ไม่มีดอกเบี้ย, ลงทุนวันนี้

3. การขอข้อมูลส่วนตัวหรือทางการเงิน เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และไม่ควรถามกันผ่านอีเมลอย่างยิ่ง เช่น รหัสผ่าน, หมายเลขบัตรเครดิต หรือ ขอลายเซ็นในการทำพันธุกรรมผ่านอีเมล

4. ใช้ตัวใหญ่ทั้งหมด เช่น FREE หรือ SPECIAL FOR YOU

5. การใช้เครื่องหมายตกใจที่มากและหลายที่ในอีเมล 1 ฉบับ

6. เนื้อหาที่เกินจริง เล่นใหญ่ ดูดีเกินไป เช่น คุณได้รับรางวัลที่ 1, ยินดีด้วยคุณถูกเลือก, คุณคือผู้โชคดีคนที่ 100, ขอแสดงยินดีคุณได้รับเที่ยวบินและที่พักฟรี

7. ข้อความที่ทำให้เกิดความตกใจ ก็เสี่ยงจะถูกมองว่าเป็นสแปมเช่นเดียวกัน เช่น บัญชีของคุณโดนบล็อก, ขณะนี้เงินในบัญชีของคุณถูกโอนไปจนหมด, เราพบความผิดปกติรีบตรวจสอบ

8. ลิงก์ที่ดูไม่ปลอดภัย หรือไม่สอดคล้องกับเนื้อหา

9. การใช้ URL แบบย่อ ตอนนี้ผู้รับมักจะเลือกกดลิงก์ที่สามารถตรวจสอบชื่อ URL ได้ ทำให้การย่อลิงก์มักจะไม่ค่อยจะมีคนคลิกเท่าไหร่นัก

10. แนบไฟล์ที่สกุลแปลก ๆ เช่น .exe, .zip, .rar ที่อาจมีมัลแวร์

11. ไฟล์แนบที่ไม่ได้ระบุชัดเจนหรือวัตถุประสงค์ของการแนบ

12. ใส่ข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วนในอีเมล เช่น  ที่อยู่บริษัท, หมายเลขโทรศัพท์

13. ไม่ใส่ลิงก์ยกเลิกอีเมล ข้อนี้สำคัญเพราะเป็นกฏหมายที่ต้องปฏิบัติตามในหลายประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ให้บริการส่งอีเมลจะทำลิงก์ยกเลิกอีเมลติดไปในเนื้อหาของเราไปด้วย (และไม่สามารถลบได้)

14. การส่งอีเมลซ้ำ ด้วยเนื้อหาเดิม คนเดิม ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง ระบบจะมองว่าอีเมลดังกล่าวเป็นสแปมทันที

15. ส่งอีเมลอีเมลจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ 

16. การใช้รูปภาพที่มีขนากใหญ่เกิน เนื้อหาอีเมลจะถูกซ่อนหรือโหลดช้า

17. การจัดรูปแบบที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้สีสันสดใสหรือฟอนต์ที่อ่านยาก เสี่ยงต่อการเกิด Bounce 

18. ไม่ตรวจสอบอีเมลก่อนส่ง ทำให้อาจจะเกิดข้อผิดพลาดของเนื้อหาหรือเกิดลิงก์เสียได้

19. ไม่ทดลองส่งก่อนส่งจริง ทำให้ไม่ทราบว่าที่เราเขียนอีเมลไปนั้นจะกลายเป็นสแปมหรือไม่

20. ซื้อรายชื่อมา เนื่องจากอีเมลดังกล่าวไม่ได้รับการยินยอมให้ส่งอีเมลไปหา ทำให้ผู้รับอาจจะรายงานว่าเราเป็นอีเมลสแปมได้

 

 

 

 

สำคัญ! ควรเลือกเจ้าที่ให้บริการส่งอีเมลดี ๆ

ปัจจุบันมีเจ้าให้บริการส่งอีเมลเป็นจำนวนมาก แต่เป็นผู้ให้บริการในไทยเองอาจจะยังไม่มีให้เราเลือกมากนัก ซึ่ง Thaibulksms เราเป็นหนึ่งที่ให้คุณได้ส่งอีเมลเพื่อการตลาด (Email Marketing) ที่ให้คุณสามารถส่งอีเมลได้หลายจุดประสงค์ เช่น การส่งเพื่อประชาสัมพันธ์ บอกข่าวสาร แจ้งเตือน หรือบอกต่อโปรโมชัน เรารับรองความปลอดภัยของผู้มูลผู้ส่ง และมีวิธีการป้องกันการเกิดสแปมได้เป็นอย่างดี 

 

 

รายละเอียด :  https://www.thaibulksms.com/email/ 

โทร : 02-798-6055 

ทดลองส่งฟรีสูงสุด 5000 เครดิต : https://account.thaibulksms.com/register/ 

10 เทรนด์ Email Marketing มาแรงปี 2025

แจกฟรี! 10 เทรนด์ Email Marketing มาแรงปี 2025

แนวโน้มการตลาดทางอีเมลในปี 2025 กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง การแข่งขันในตลาดดิจิทัลทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับตัวและคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า การตลาดทางอีเมลในยุคนี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งข้อความเพื่อสื่อสารข่าวสารหรือโปรโมชันเท่านั้น การเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดสามารถนำไปใช้ในการปรับกลยุทธ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าในปี 2025

บทความที่เกี่ยวข้อง